มาดอนน่า ขึ้นรับรางวัล Billboard Women in Music 2016 เธอเริ่มต้นด้วยการถ่างขาออก และพูดประโยคแรกว่า “I always feel better with something hard between my legs.” สำหรับผู้หญิงจำนวนมาก แม้กระทั่งการยืนหรือนั่งแบบถ่างขา ยังทำให้เธอรู้สึกประหม่า ความรู้สึกนั้นเกิดมาจากการขัดเกลาทางสังคมที่ซับซ้อน วัฒนธรรมที่คอยบอกว่าผู้หญิงต้องเรียบร้อย เป็นผู้รองรับ เป็นผู้ดูแล ตัดสินใจเองไม่เป็น ต้องคอยฟัง ต้องหุบปากและหุบทุกอย่างเอาไว้ มันน่าอายอย่าเปิดมันออกมา
นางสาวพนิดา ศรีใจ พยาบาลวิชาชีพประจำศูนย์การแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เธอเป็นผู้หญิงไทยวัยพ้นเบญจเพส กุลสตรีแม่ศรีเรือน ว่าที่ภรรยาและมารดา เป็นนางฟ้าในชุดสีขาวที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาคุณธรรม คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นั่นแหละ เธอเป็นคนดีที่ต้องคอยรองรับแรงกระแทกจากความต้องการสารพัดของสังคมนี้ ไม่นับเรื่องต้องแบกรับความคาดหวังจากสังคมปรักหักพัง
พนิดาเหมือนกับวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่รักการถ่ายรูป เธอใช้กล้องฟิล์มป๊อกแป๊ก เริ่มถ่ายรูปเพื่อนของเธอในหอพัก ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆตัว สิ่งที่เธอเห็น นั่นแหละชีวิตของพนิดา และสิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่พนิดาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นในภาพถ่ายของเธอ คือ องค์ประกอบที่เต็มไปด้วยความสมดุลของเรื่องราว การออกแบบ สีสัน บรรยากาศ อารมณ์ รวมไปถึงจินตนาการที่มีต่อวัตถุในภาพถ่ายเหล่านั้น สำคัญเพราะพนิดาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความลุ่มหลงในการ(จ้อง)มอง สังเกต ฝึกฝนจนเป็น “สายตา” ของช่างภาพ แม้พนิดาจะเป็นเพียงมือสมัครเล่น แต่คุณสมบัติสำคัญเหล่านี้ จะเติบโตขึ้นด้วยประสบการณ์และความใส่ใจ
นิทรรศการภาพถ่าย BOO นำเสนอสิ่งที่พนิดามองเห็น โลกของเธอ มันคือการล้อเล่นกับสิ่งที่กดทับอยู่ สิ่งที่เป็นความเชื่อฝังหัว มันคือการลอกลิ้นปลิ้นตาใส่อำนาจและลำดับขั้นที่ผู้ชายเป็นผู้กำหนดว่าผู้หญิงต้องเป็นอย่างไร ? อำนาจที่ทั้งใหญ่และหนักซึ่งเสียบคาเอาไว้ในสังคมของเรา แม้ว่าเราถอนมันออกไม่ได้ แต่เรา BOO ใส่มันได้
อังกฤษ อัจฉริยโสภณ กรุงเทพฯ 170117
BOO! A Private Life Photography Exhibition By Panida Srijai
at CASE Space Revolution, 2nd floor of Broccoli Revolution, the corner of Sukhumvit 49, Bangkok, Thailand 10110, Open daily 4 February - 18 March, 2017, 11 AM - 7 PM Closed every Monday
ริงโก บูโนอาน ภัณฑารักษ์ชาวฟิลิปปินส์ เขียนเอาไว้ในสูจิบัตรนิทรรศการแบรนด์นิวเมื่อปี 2012 ว่า “คนรุ่นปัจจุบันมักได้รับคำบรรยายว่า ‘หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง’ ‘หลงตัวเอง’ และโตมากับอินเตอร์เน็ต ต่างจากคนรุ่นก่อนที่ต่อสู้เพื่ออุดมคติร่วมกันและมีมุมมองในทิศทางเดียวกัน คำกล่าวนี้อาจเป็นจริงอยู่ส่วนหนึ่ง ...”
การจะได้รับยกย่องให้เป็นจอมยุทธ คนผู้นั้นจะต้องมีท่วงท่าร่ายรำที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ เหนือไปกว่านั้น กระบี่ต้องอยู่ที่ใจ แม้กิ่งไผ่หรือใบอ้อก็สามารถใช้ประลองยุทธแทนกระบี่ได้ แต่การจะเป็นยอดนั้น ต้องละทิ้งทั้งกระบี่ ปล่อยวางทั้งจิตใจที่จะเข่นฆ่าหรือแก้แค้น ไม่แสวงหาแม้สงครามหรือสันติสุข แล้วจะค้นพบว่าการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่คือ การเอาชนะได้โดยไม่มีการต่อสู้ โลกนี้ไม่มีรางวัลสำหรับนักทำลาย แต่มีรางวัลให้มากมายสำหรับนักสร้างสรรค์