“ ผู้ ที่ เ เ ข็ ง เ เ ก ร่ ง ที่ สุ ด คื อ ผู้ อ ยู่ ร อ ด ” จะกล่าวว่ามันคือกฎของธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตหลายสิ่งไม่อาจเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือ สัตว์ เป็นข้อจำกัดถึงการแบ่งชนชั้น และความเท่าเทียม นั่นแปลว่าผู้ที่อ่อนแอต้องอยู่ภายใต้อำนาจเพื่อความอยู่รอด กฎนี้อาจลืมเขียนไปว่า ผู้ที่แข็งแกร่ง จากภายใน คือผู้อยู่รอด ผู้ที่อ่อนแอแต่มีความอดทนก็จะมีชีวิตอยู่รอดเช่นกัน ความเสมอภาคนี้เป็นบรรทัดชี้ว่าสิ่งมีชีวิตควรมีความเท่าเทียม เกื้อกูลซึ่งกันและกัน โลกใบนี้ไม่ใช่ที่ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เรื่องของความสัมพันธ์ของปัจจัยทางสังคม เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งนำกฎ และอำนาจ มาใช้เพื่อประโยชน์ของตน การถูกลดค่าความเท่าเทียมของสิ่งมีชีวิต ล้วนเกิดจากอำนาจ และความต้องการของผู้ที่แข็งแกร่งเสมอ สันติภาพ อินกองงาม ศิลปินผู้มองเห็นถึงความเหลื่อมล้ำของสังคมคนเมืองกับประชากรชายขอบ ได้จัดแสดงนิทรรศการ Zomia’s Pieces ที่ Gallery Seescape เขาได้หยิบภาพลักษณ์ของกลุ่มคนเหล่านี้แสดงออกผ่านงานภาพถ่าย และภาพยนตร์สารคดี ผ่านสัญลักษณ์บุคคล แทนชนเผ่าประชากรชายขอบต่างกันไป โดยยกมาทั้งหมด ๖ เผ่า คือ ไทใหญ่ ดาราอั้ง ม้ง อาข่า ปกาเกอะญอ และ ลาหู่ แสดงออกถึงอารยะ และคุณค่าที่ของกลุ่มคนเหล่านี้ ผลงานชุด Zomia’s Pieces บอกเล่าเรื่องราวความเท่าเทียมในการเป็นมนุษย์ มีชีวิตมีลมหายใจที่เท่ากัน ใช้ชีวิตดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดบนโลกไม่ต่างกัน แตกต่างกันเพียงเชื้อชาติ ถิ่นกำเนิด การที่คนเหล่านี้ถูกกำหนดชาติพันธ์ จากรัฐ จากผู้แสวงหากำไรจากปัจจัยในพื้นที่ หรือ แม้กระทั่งประชากรในประเทศ กลุ่มคนชายขอบถูกตีกรอบว่าไร้เชื้อชาติ ถูกดูแคลนจากพื้นฐานมนุษย์ผ่านสายตาสังคมเมือง ด้วยวัฒนธรรมที่ไม่ต่างกันมากนักของกลุ่มชาติพันธ์ อารยะที่กลุ่มคนเหล่านี้ถ่ายทอดออกมา ทำให้รู้สึกว่า มวลมนุษย์มาจากพื้นฐานเดียวกัน มาจากพื้นที่เดียวกัน มีความเป็นมนุษย์เท่าๆ กัน แต่กลับถูกกลุ่มคนที่มีพื้นฐานสังคมเมืองเหยียดและให้ค่ากับคนเหล่านี้ที่ต่ำลง ผลงานภาพถ่ายกรอบไม้สักของศิลปินถ่ายทอดเรื่องราวของภาพได้อย่างลงตัว มีสีที่มองดูสบายตา มองเห็นธรรมชาติได้อย่างดงาม บุคคลสัญลักษณ์ที่เป็นแบบ ถ่ายทอดบุคลิกภาพออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงออกถึงความอิสระ และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ โดยพื้นฐานของมนุษย์ย่อมเกี่ยวข้องกับธรรมชาตินับตั้งแต่อดีต ผลงานภาพวีดีทัศน์มองผ่านกรอบไม้สัก ได้แสดงออกถึงความเป็นมา ความหมายของมนุษย์ในอารยะของแต่ละชนเผ่า ได้อย่างเข้าใจง่ายและชัดเจน การใช้สีที่ดูอึมครึมแสดงถึงความบอบช้ำ และปวดร้าวจากการดูถูกดูแคลนผ่านสัญลักษณ์บุคคลได้อย่างแยบยล การดำเนินเรื่องถูกเรียบเรียงมาอย่างดี ผ่านธรรมชาติของกลุ่มคนเหล่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว ความเสมอภาคในความจริงของมนุษย์ ยังดูเลือนราง หากแต่วันใดวันหนึ่งโลกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ พื้นที่ที่เคยยืนอยู่ เราอาจถูกเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์จากมวลมนุษย์ต่างชาติ ไม่ต่างกับกลุ่มคนชายขอบเหล่านี้เลย อำนาจที่โตขึ้นทุกวัน และปัจจัยที่ลดลงเรื่อยๆ มันอาจเปลี่ยนหัวใจให้คนเห็นแก่ตัวขึ้น หากในวันนี้เรายังเห็นคนที่ด้อยกว่าคือตัวประหลาด ตัวเราเองก็เป็นตัวประหลาดไม่ต่างจากสายตาพวกเขาเลย ~ ถั่ว #บ่นเฉยๆอ่านผ่านๆไปก็ได้