ภาพถ่ายสำหรับทุกคนเชื่อว่ามีความหมายและคุณค่าต่อมันที่แตกต่างกัน ทุกครั้งที่เราแนบสายตาเข้ากับวิวไฟเดอร์แล้วจรดนิ้วกดชัตเตอร์นั้น ช่วงเวลาที่อยู่เบื้องหน้าราวกับจะถูกหยุดและบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มหรือเซนเซอร์รับแสงตามแต่กล้องที่แต่ละคนใช้งาน และเราจะมองภาพถ่ายนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน คนที่มาดูภาพถ่ายของเรานั้นจะรู้สึกเช่นเดียวกับเราหรือไม่ ตามแต่ละคนก็ล้วนมีความรู้สึกต่อภาพนั้นๆที่อาจเหมือนหรือแตกต่างไปตามประสบการณ์ร่วมที่มีต่อภาพนั้น และสถานะที่ภาพถ่ายนั้นเป็นอยู่ ความทรงจำที่สนุกสนานของผู้ถ่ายหรือความต้องตาต้องใจทางศิลปะ ภาพหนึ่งใบล้วนทำหน้าที่นั้นได้ทั้งสิ้น เจ้าของภาพใบนั้นจะรู้หรือไม่ว่าการเดินทางของภาพถ่ายของเขาจะเดินทางไปไกลขนาด มันจะจบที่ลิ้นชักหรือสมุดไดอารี่เล่มเล็กๆที่หยิบขึ้นมาดูยามคิดถึง บนเฟสบุ๊คที่เต็มไปด้วยบทสนทนาอันสนุกสนานของเพื่อนฝูงที่มีประสบการณ์ร่วมกัน หรือเป็นบนกำแพงแกลอรี่ศิลปะท่ามกลางสายตาคนแปลกหน้าที่เข้ามาชื่นชมซึ่งมันอาจมาไกลกว่าที่เราคิดเมื่อยามกดชัตเตอร์นั้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้สำหรับการเดินทางของภาพถ่ายใบหนึ่ง แล้วสิ่งไหนล่ะ ที่ดีต่อใจสำหรับผู้ถ่ายภาพใบนั้น เขาจะฉีกยิ้มกว้างที่สุดเมื่อภาพถ่ายนั้นอยู่ ณ ที่ไหน จากความสัมพันธ์กับเจ้าของงานชิ้นหนึ่งและการเติบโตที่นำพางานของเธอมาไกลกว่าเจตนา ที่ทำให้ผู้เขียนเองอยากอุทิศบทวิจารณ์นี้ให้แก่ความสุขจากภาพถ่ายของเธอที่มอบให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น
หนึ่งในความทรงจำกับสายน้ำที่นำพา Wei Wu ช่างภาพสาววัย 24 ปีเดินเท้าลัดเลาะเรียบแม่น้ำฟูนันจากบ้านเกิดของเธอในมณฑลเสฉวนของจีนสู่ปากแม่น้ำเป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร การเดินทางที่ยากลำบากนี้นำพา Wei Wu ไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานชุด Meeting Myself Coming ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความทรงจำของชีวิตในวัยเด็กของเธอผู้คนในครอบครัวที่เธอผูกพันธ์ แต่มากกว่านั้นมันเป็นสิ่งที่หล่อหลอมเธอในฐานะศิลปิน